วิธี(ไม่ลับ)ทำเบเกอรี่ให้อร่อย
คนทำขนมปังตระหนักดีถึงสิ่งนี้เพื่อสร้างเบเกอรี่แสนอร่อยที่ถูกใจผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับส่วนผสมหลัก ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ไข่ เนย และนม ซึ่งมีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันไป แต่เราจะเลือกใช้วัตถุดิบอย่างไรให้ได้คุณภาพและเหมาะกับการทำขนม? มาดูกัน.

1. แป้ง
แป้งสาลีเป็นส่วนประกอบหลักในเนื้อสัมผัสของเบเกอรี่ และวัตถุดิบหลักคือแป้งสาลีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับเบเกอรี่แต่ละประเภท เช่น
– แป้งขนมปังทำจากข้าวสาลีดูรัม มีเนื้อครีมและเนื้อหยาบ ใช้ทำขนมปังได้ทุกชนิด
– แป้งอเนกประสงค์ ทำจากข้าวสาลีชนิดแข็งและชนิดอ่อนผสมกัน ขาวกว่าแป้งขนมปัง เหมาะสำหรับทำแป้งพาย โดนัท และคุกกี้
– แป้งเค้กทำจากข้าวสาลีอ่อน มีความละเอียดและขาวกว่าแป้งขนมปังและแป้งอเนกประสงค์

2. น้ำตาล
เป็นสารให้ความหวาน ให้เบเกอรี่มีสีน้ำตาลหลังอบ ถ้าไม่มีน้ำตาลเลยเบเกอรี่จะขาวซีดไม่นิ่ม
เมื่อผสมกับเนยและไข่ ควรละลายเร็ว ถ้าละลายช้า เนยจะเหลว ส่งผลต่อเนื้อสัมผัสของขนมอบและรูปร่างของคุกกี้ แครกเกอร์ และบิสกิต
ช่วยตีครีมและไข่ให้ขึ้นฟู
วิธีการเลือกน้ำตาลให้เหมาะกับเบเกอรี่สามารถเลือกได้ดังนี้

– น้ำตาลทราย (Sugar) จะต้องขาว สะอาด และผ่านการกลั่น เพื่อผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
– Caster Sugar คือ น้ำตาลทรายขาวป่นให้มีขนาดเล็ก เหมาะกับการอบเพราะละลายเร็ว แต่ต้องใช้ทันที หากเก็บไว้น้ำตาลจะดูดซับความชื้นและจับตัวเป็นก้อน
– น้ำตาลทรายแดง: น้ำตาลชนิดนี้มีคาราเมลและความชื้น เหมาะสำหรับทำเค้กหน้านิ่ม ฟรุตเค้ก คุ้กกี้
– น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) สำหรับโรยหน้าขนม

3. ไข่
ไข่ดีที่สุดสำหรับการปรุงอาหาร แต่คุณภาพของเบเกอรี่ ความสด จะช่วยให้สีของเบเกอรี่เข้มขึ้น
ไม่ควรใช้ไข่เป็ด เนื่องจากไข่เป็ดใหญ่เกินไป ทำให้เนื้อเค้กแข็ง และมีกลิ่นคาวผสมอยู่ด้วย
โดยปกติแล้วในการทำอาหารแนะนำให้ใช้ไข่ขนาดกลาง เช่น เบอร์ 3 โดยไข่ 1 ฟองจะหนัก 50 กรัม
วิธีการเลือกไข่สำหรับอบ

– ควรเลือกไข่ที่มีลักษณะกลม เพราะมีน้ำหนักมากกว่าทรงวงรี
– วิธีเลือกไข่สด เลือกไข่ที่มีฝุ่นเกาะ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อถือ เมื่อมองในแสงแดด จะปรากฏเป็นสีแดงเล็กน้อยและโปร่งแสง หรือคุณสามารถทดสอบไข่ได้โดยการแช่ในน้ำ แช่ไข่สด และปล่อยให้ไข่เก่าลอยอยู่ใต้น้ำ

การเก็บไข่สด ควรเก็บไว้ในช่องแช่ไข่ของตู้เย็น ที่อุณหภูมิประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส เนื่องจากความเย็นจะช่วยให้ไข่สดได้นานถึง 2 สัปดาห์ หากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ไข่จะเสียเร็ว เพียง 3-4 วัน

4. นม
ทำหน้าที่ประสานงานส่วนต่างๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกันอีกด้วย นี่คือส่วนที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเบเกอรี่ ทำให้รสชาติดีขึ้น
นมช่วยขับให้ส่วนประกอบแต่ละอย่างในเบเกอรี่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องของรสชาติ สี และกลิ่น ดังนั้นส่วนที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกเบเกอรี่ก็คือนมนั่นเอง

วิธีง่ายๆ ในการเลือกนมข้นหวาน เมื่อทำเบเกอรี่ สิ่งสำคัญคือคุณภาพของนม ซึ่งมี 5 วิธีง่ายๆ ดังนี้

1. สีของนมควรเป็นสีขาวอมเหลือง อย่าเลือกสีเหลืองหรือสีน้ำตาลนม และไม่ขาว
2. กลิ่นของนมไม่ควรมีกลิ่นคาว เพราะจะส่งผลต่อกลิ่นของเบเกอรี่ได้
3. ไขมันในนมไม่ควรมากเกินไป เพราะจะทำให้สัดส่วนของสูตรเบเกอรี่แตกต่างไปจากเดิม
4. นมไม่ควรใสหรือข้นเกินไป ไม่แยกชั้นต้องเป็นเนื้อเดียวกัน เช่นผลิตภัณฑ์นมข้นหวานตราฟอลคอนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และถือเป็นนมคุณภาพอีกชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นเพื่อคนทำขนมปังโดยเฉพาะ